รีวิวงานแต่งธีมสีคัลเลอร์ฟูล ครบทั้งพิธีไทย จีน คริสต์ และปาร์ตี้ @Le Meridien Bangkok

Le Meridien Bangkok สถานที่แต่งงานเรียบหรู ห้องบอลรูมเพดานสูงโปร่ง พร้อมจอ LED ตัวช่วยเรื่องการตกแต่ง

       แหม่มกับเควิน (เจ้าบ่าว) ช่วยกันหาสถานที่จัดงานแต่งงาน ตอนแรกแหม่มอยากได้ฟีลกึ่งเอาท์ดอร์ แต่เป็นจังหวะที่เควินเห็นโรงแรม Le Meridien Bangkok (เลอ เมอริเดียน กรุงเทพ) ในโซเชียลพอดี เลยอยากให้ลองไปดูก่อนค่ะ หลังจากไปดูมา 8 ที่ สุดท้ายเราก็เลือกโรงแรมนี้ค่ะ ซึ่งเหตุผลที่แหม่มเปลี่ยนใจมาเป็นที่นี่เพราะเควินชอบ ห้องบอลรูมเพดานสูงประมาณ 9 เมตร มีจอ LED ทำให้สามารถเปลี่ยนฉากไปในแต่ละพิธีได้ ช่วยลดปริมาณการตกแต่ง ไม่ต้องเสียเวลาเซ็ตการตกแต่งนาน รวมถึงโปรโมชั่นคุ้มค่าด้วยค่ะ

แต่งแต้มสีสันให้งานด้วยธีมสีคัลเลอร์ฟูล 

       เราอยากให้งานมีสีสันสดใสจึงไม่ฟิกซ์สีใดสีหนึ่ง อย่างสีเดรสโค้ดของแขกเลือกเป็นสีพาสเทลและเอิร์ธโทน ส่วนการตกแต่งใช้ธีมคัลเลอร์ฟูลค่ะ แต่บริเวณแกลเลอรีบ่าวสาวตรงสะพานแก้วและโถงรับรองที่ตั้งแบ็คดรอปถ่ายภาพนั้น เราเน้นตกแต่งดอกไม้และใบไม้ที่เป็นสีเขียวและสีขาว ในสัดส่วนที่มากกว่าสีคัลเลอร์ฟูล เพราะอยากให้ชุดของแขกที่ใส่มาหลากสีสันดูโดดเด่นขึ้นค่ะ

       ในห้องบอลรูมที่ทำพิธีหมั้นและฉลอง เราเน้นดอกไม้สีสันจัดจ้าน และเพิ่มไฟดวงกลมเข้ามา เพราะอยากให้ดูโรแมนติก นุ่มนวลขึ้นค่ะ สำหรับกราฟิกบนจอ LED เปลี่ยนฉากตามพิธีการ ถ้าพิธีไทยก็หาลายไทย ๆ หน่อย ส่วนช่วงงานฉลองใช้ภาพดวงจันทร์กับภาพพลุเฉลิมฉลองค่ะ

       งานนี้เราเลือกของชำร่วยเป็นปากกาหัวเพชรที่ไม่ได้สลักชื่ออะไร เพราะอยากให้แขกใช้ได้จริง แบบไม่ต้องเขินว่าเป็นของที่ระลึกจากงานแต่งค่ะ

งานหมั้นพิธีน้อย แต่มากด้วยความสุข

       เนื่องจากเราจัดพิธีสงฆ์ก่อนหน้าแล้วที่วัดราชบพิตรฯ งานหมั้นที่โรงแรมจึงชิลมาก เราเลือกจัดงานช่วงบ่ายแล้วต่องานเลี้ยงฉลองเย็น เพราะไม่อยากให้แขกต้องรอนานค่ะ ซึ่งคู่เราคัดแต่พิธีที่อยากทำจริง ๆ จึงไม่มีแห่ขันหมาก มีเพียงให้เพื่อนเจ้าสาวมากั้นประตูค่ะ ขณะเดียวกันก็ยังอยากให้งานมีความเป็นไทย จึงเปิดเสียงเพลงระนาดคลอไปด้วย หลังเควินผ่านประตูเงิน-ประตูทองครบ 5 ด่าน เขาจะมารับตัวแหม่มที่นั่งรอตรงจุดไฮไลท์ในห้องบอลรูม คือ ชั้นลอยที่ได้แชนเดอเลียร์เป็นฉากหลัง ซึ่งเราชอบมุมนี้มาก เพราะถ่ายรูปสวยจริง ๆ ค่ะ

       หลังรับตัว เราเดินเข้าไปทำพิธีมอบสินสอด สวมแหวน ทานขนมอี๋ ซึ่งเราเสิร์ฟให้แขกทานไปพร้อมกันด้วยเพื่อความเป็นสิริมงคลค่ะ พอเข้าสู่คิวยกน้ำชา เราก็เปลี่ยนฉากและใช้เพลงสไตล์จีน เพื่อให้เข้ากับพิธียิ่งขึ้น โดยมีเมนูติ่มซำให้แขกได้รองท้องก่อนเข้าสู่งานเลี้ยงฉลองค่ะ 

งานเลี้ยงฉลองจัดคิวตามใจ ได้ครบทุกอารมณ์       

       ด้วยความที่เราอยากให้งานดูอบอุ่น เพราะแขกที่เราคัดสรรมา 140 ท่าน ล้วนเป็นคนสนิท เราเลยเลือกลำดับคิวเองค่ะ ในช่วงที่แขกมาถ่ายรูปที่แบ็คดรอปและโฟโต้บูธที่ตั้งอยู่ข้างกันนั้น ใครถ่ายเสร็จแล้วสามารถไปทานข้าวในห้องบอลรูมได้เลย ซึ่งเราจัดเป็นโต๊ะกลมทั้งหมด จะได้นั่งสบาย ๆ ค่ะ และเหตุผลที่เราเลือกให้แขกทานข้าวก่อนพิธีเริ่มนั้น เพราะเป็นห่วง กลัวว่าแขกจะหิวกันค่ะ 

       หลังจากถ่ายภาพกับแขกเสร็จสิ้น เราจะตามไปนั่งทานข้าวด้วยที่โต๊ะสำหรับบ่าวสาว ซึ่งตั้งอยู่หน้าเวทีค่ะ นอกจากเราจะอยากให้แขกมีความสุขแล้ว ตัวเองก็ต้องแฮปปี้ด้วย เราจะไม่ทนหิวเพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้องค่ะ โดยระหว่างที่ทานอาหาร เราเปิดวิดีโอพรีเซนเทชั่นให้รับชมไปด้วยค่ะ

       เรียบร้อยแล้ว เราจึงเปลี่ยนชุดเพื่อเข้าสู่การเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยมีเพื่อนบ่าวสาวฝั่งละ 10 ท่าน เดินถือแหวนนำหน้าไปก่อนและยืนรอตรงขั้นบันไดเวที ตามด้วยเควิน และแหม่มที่เดินเข้าไปพร้อมพี่ชาย เพื่อเจอเจ้าบ่าวที่ยืนรออยู่กลางห้อง เพื่อรับตัวเจ้าสาวแล้วเดินไปด้วยกัน ซึ่งคิวนี้เราตัดเอฟเฟกต์ดรายไอซ์ออก เพราะอยากโชว์ชุดสวยให้เห็นเต็ม ๆ ค่ะ

       เมื่อขึ้นเวที พี่ชายของแหม่มเป็นประธานกล่าวคำอวยพร จากนั้นก็เข้าสู่พิธี Vow Ceremony หรือพิธีแลกแหวน รวมถึงแลกคำมั่นสัญญาระหว่างกัน จบแล้วเราจะไปตัดเค้ก ซึ่งหลังจากทางโรงแรมสอบถามว่าอยากได้เค้กจริงหรือเค้กปลอม พอเราบอกว่าอยากได้เค้กจริง เขาทำเป็น Croquembouche (ครอคออมบุช) ให้ โดยสามารถเลือกสีเคลือบน้ำตาลให้เข้ากับธีมงานได้ด้วย จนกลายเป็นกิมมิกของงานไปโดยปริยายค่ะ   

       พาร์ทต่อมาเป็นเพื่อนบ่าวสาวพูดความในใจรวม 8 ท่าน แล้วปิดท้ายพิธีโยนดอกไม้ค่ะ ไปต่อกันที่งานอาฟเตอร์ปาร์ตี้ เราไปเปลี่ยนชุดและเต้นเข้าไปในงาน ซึ่งไม่ได้มีแค่เพื่อน ๆ เท่านั้น แต่แขกผู้ใหญ่ก็ยังอยู่ปาร์ตี้กันเยอะเลยค่ะ เรามีทำเบียร์บอมบ์เป็นสีสัน พร้อมสนุกกับวงดนตรีสดไปยาว ๆ ถึงตีหนึ่งเลยค่ะ ช่วงนี้ทางโรงแรมยังทำกราฟิก LED ให้เข้ากับงานปาร์ตี้ด้วยค่ะ        

       ส่วนอาหารจัดเลี้ยง เราเลือกซุ้มอาหารเน้นความหลากหลาย มีข้าวหน้าเป็ด ก๋วยเตี๋ยว ส้มตำ และข้าวเหนียวมะม่วง ได้ยินว่าแขกชมว่าอร่อย โดยเฉพาะเค้กที่เพื่อน ๆ บอกว่าชอบด้านในเป็นไส้ครีมหวานละมุนกำลังดี ทั้งเพื่อนแหม่มและเพื่อนต่างชาติของเควินต่างติดใจ มีแต่คนถามหาว่าซื้อได้ที่ไหน แต่ทางโรงแรมทำขึ้นเฉพาะงานแต่งเท่านั้นค่ะ

บ่าวสาวปลาบปลื้มใจ จัดงานเองได้ราบรื่น 

       ส่วนตัวภูมิใจที่แม้ไม่ใช้เวดดิ้งแพลนเนอร์ แต่งานก็ผ่านไปได้ด้วยดี ทั้งเราและแขกต่างชอบในบรรยากาศงานที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น โรแมนติก และยังสนุกสนานคล้ายงานรวมรุ่น ย้อนวัยอย่างไรอย่างนั้น จนถึงขั้นเพื่อนมาถามแหม่มว่าจัดอีกได้ไหม 

       ส่วนทางโรงแรมก็ทำเราประทับใจหลายอย่าง ตั้งแต่ห้องพักสะอาด กว้างขวาง สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พนักงานดูแลและบริการดีมาก ซึ่งเราเองก็รู้ว่าเขาต้องเหนื่อยกับงานเรามากแน่ ๆ เลยแจกอั่งเปาให้เพื่อแทนคำขอบคุณค่ะ นอกจากนี้ เควินไปเห็นตรงล็อบบี้ของทางโรงแรมด้วยว่า เขาได้รับรางวัล Travelers' Choice ปี 2023 ก็ยิ่งเพิ่มความมั่นใจ และรู้สึกว่าเราคิดถูกที่จัดงานที่นี่ค่ะ 

       อีกคนที่ต้องพูดถึงเลย คือ คุณโบ เซลล์งานแต่งของโรงแรม ที่ให้ข้อมูลดี ใจเย็น จริงใจ และดูแลดีเสมอ เขารู้ว่าเราค่อนข้างกังวลใจในช่วงแรก ๆ ก็พยายามเพิ่มความมั่นใจให้เราและช่วยเหลือเต็มที่ ยิ่งพอเห็นว่าเราไม่มีเวดดิ้งแพลนเนอร์ คุณโบก็คอยเตือนสิ่งต่าง ๆ กันเราตกหล่นตลอดค่ะ 

คำแนะนำสำหรับบ่าว-สาว

จัดงานแต่งให้ทุกคนมีความสุขไปด้วยกัน : อยากให้บ่าวสาวใส่ใจความสุขของตัวเอง อะไรที่เหนื่อยหรือเครียดเกินไป ก็ต้องจัดการให้อยู่ในความพอดี เช่น ไม่ควรอดข้าว อดน้ำ ควรหาเวลาทานอะไรรองท้องด้วย เพราะไม่ใช่แค่บ่าวสาวอยากให้แขกมีความสุขเท่านั้น แต่แขกเองก็อยากเห็นเรามีความสุขเช่นกัน

เมื่อมีความชอบไม่ตรงกัน ให้หาข้อสรุปตรงกลาง : ก่อนอื่นให้บ่าวสาวคุยกันว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร เพื่อหาข้อสรุปและจุดร่วมกันตรงกลาง เพราะถ้าเรายอมยืดหยุ่น เพื่อให้ได้งานแต่งที่มีความชอบของกันและกัน เวลาเห็นงานจะได้มีความสุขร่วมกันค่ะ

Photographer : Hommy Photography